ประเด็นของศึกข้อขัดข้องทางลิขสิทธิ์ ที่ได้ยืดเยื้อกันมาพักใหญ่
ระหว่างกรณีของ อาม ชุติมา กับนายห้างประจักษ์ชัยไหทองคำ นั้นแม้ว่าจะเกิดเรื่องทอล์คออฟเดอะทาวน์แต่ถ้าว่า กรณีนี้นับว่าเป็นกรณีศึกษาให้ประชาชนจะสามารถเก็บเกี่ยวทำความเข้าใจในเรื่องหลายๆสิ่งได้ รวมทั้งตัวบทกฎหมายต่างๆ ซึ่งอย่างที่ทราบกันอยู่แล้วตามหน้าสื่อหลายแห่งที่พากันกระจายข่าว ถึงเรื่องราวที่เริ่มขึ้นจาก เถ้าแก่ ปรากฏชัดเจนชัย ไหทองคำ ได้แจ้งจับ อาม ชุติมา กันถึง คาสถานที่จัดแสดง
เล่นเอานักร้องแล้วก็นักแต่งเพลงหญิงที่กำลังเป็นดาวรุ่ง มีอนาคตสดใสถึงกับหลั่งน้ำตาร้องไห้เป็นที่เห็นใจของบรรดาแฟนๆเป็นอย่างยิ่ง
โดยรายละเอียดที่น่าสนใจที่มีข้อถกเถียงแบ่งได้เป็นสองฝั่งระหว่างประชาชนที่มาคอมเม้นต์นั่นก็คือ กรณีนี้ใครผิดกันแน่ ?
หากแม้ทางฝั่งของนายห้างประจักษ์ชัยไหทองคำจะได้อ้างถึงข้อสัญญาต่างๆที่เคยมีการทำเอาไว้กับอาม ชุติมา แม้กระนั้นอีกฝ่ายก็โต้ว่าข้อสัญญาพวกนั้นไม่เป็นธรรม อีกทั้งในทางพฤตินัยทางนายห้าง ไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามเนื้อหาที่เคยสัญญาไว้กับอามชุติมาหลายข้อ
ทั้งยังในเรื่องการปั้นผลักดัน รวมไปถึงเรื่องการให้ส่วนแบ่ง โดยเฉพาะส่วนแบ่งรายได้ที่ได้รับจากยอดวิวถึงกว่า 6,000,000 วิวใน ส่งผลให้สถานะการณ์คราวนี้บานปลายออกไปหลายแง่มุม ซึ่งในทีแรกทางนายห้างประจักษ์ชัยไหทองคำดูจะเป็นฝ่ายได้เปรียบเพราะอ้างเป็นผู้ถือข้อสัญญากุมอำนาจไว้ในมือ
แม้กระนั้นเมื่อเรื่องผ่านเลยไปสักระยะมีการเข้ามาเกี่ยวข้อง ของว่าที่ทนายชื่อดังนายอัจฉริยะเรืองรัตนพงศ์ ที่กล่าวถึงว่ามีความเห็นดวงใจในตัวนักร้องสาวที่ถูกแกล้งเอารัดเอาเปรียบ โดยนายอัจฉริยะมีสถิติสำหรับในการช่วยฟ้องดังๆมาแล้วหลายคดี และมักจะประสบความสำเร็จอยู่เสมอ
และก็ท้ายที่สุดใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วันก็สามารถทำให้ อามชุติเตียนมา ได้รับการล้างคำสัญญาได้อย่างเร็ว!!!
ซึ่งข้อทำงาน นอกจากจะยกอ้างเรื่องความเป็นโมฆียะของสัญญา ความอยุติธรรมของคำสัญญา แม้กระนั้นดูแล้วสิ่งที่น่าจะทำให้นายห้างถึงกับรีบยอมโดยเร็วที่สุดนั่นก็คือคำขู่ ที่จะขุดลึกในเรื่องของภาษี
ซึ่งทำไปทำมาแทนที่จะได้รับประโยชน์จากการกุมตัว อาม ชุติมาไว้กับสัญญา ก็อาจกลับกลายเป็นสูญเสียทรัพย์สินไปอย่างมากมายกับกรณีภาษีได้
แน่ๆว่าย่อมเป็นน้ำหนักเป็นอย่างมากที่จะทำให้มีการเกิดการไตร่ตรองชั่งน้ำหนักและก็ยอมล้างสัญญาโดยเร็ว
แต่ทว่าในเวลานี้เมื่อมีการล้างข้อตกลงแล้ว ลิขสิทธิ์เพลงจะกลับกลายเป็นของอามชุติมา ซึ่งแน่นอนว่าย่อมที่จะส่งผลเสียกับส่วนประกอบการดำเนินงานของบริษัทของ เถ้าแก่ประจักษ์ โดยเฉพาะจะก่อให้เกิดผลเสียไปยังนักร้องสาวโด่งดัง ลำใยไหทองคำ อย่างเป็นแน่ ซึ่งต้องใช้เพลงของอามชุติ มาเป็นเพลงเอกประจำตัวอยู่เป็นประจำเป็นจุดขาย
ซึ่งกรณีนี้ประชาชนที่ติดตามข่าวจะมีโอกาสได้ศึกษา ข้อกฎหมายในแง่มุมต่างๆอีกต่อไปในหลายขั้น โดยเฉพาะการหาช่องฟ้องร้องเอาคืนกันของทั้งสองฝ่ายอาทิเช่นการตอบโต้กันด้วยข้อหาหมิ่นประมาท และการขุดแงะสิ่งใหม่ๆมาโต้กัน
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.